ภาควิชารังสีประยุกต์และไอโซโทป(ชื่อเดิมหน่วยพลังงานปรมาณู)
สังกัดคณะวิทยาศาสตร์
|
ศ.ดร.สุมินทร์
สมุทคุปติ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชารังสีประยุกต์และไอโซโทป ได้จัดทำโครงการจัดสร้างและเคลื่อนย้ายเรือนรุกขรังสีไปยังวิทยาเขตกำแพงแสน โดยจัดทำ โครงการเสนอมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อบรรจุเข้าไปในกลางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5(พ.ศ. 2525-2529) แต่ไม่ประสบผลสำเร็จในเรื่องการของบประมาณ จึงได้ดำเนินการบรรจุเข้าไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) แต่ก็ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณอีกเช่นกัน นอกจากการจัดทำคำของบ ประมาณแล้ว ยังได้ดำเนินการขอให้มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์จัดสรรที่ดินจำนวน 30 ไร่ ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อให้เป็นที่จัดสร้างเรือนรุกขรังสีซึ่งมหาวิทยาลัยได้อนุมัติในหลักการ ให้ใช้ที่ดินแปลง A3 วิทยาเขตกำแพงแสนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2530 และในวันที่ 2 มิถุนายน 2530 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานโครงการเคลื่อนย้ายเรือน รุกขรังสี และแหล่งรังสีแกมมาพลังงานสูงไปยังวิทยาเขตกำแพงแสนเพื่อทำหน้าที่ศึกษาข้อมูล ทางวิชาการเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายเรือนรุกขรังสี และออกแบบเรือนรุกขรังสีใหม่ การเตรียม ที่ดินในวิทยาเขตกำแพงแสนรวมทั้งการจัดทำงบประมาณการเคลื่อนย้ายทั้งหมด |
ในปลายปีพ.ศ.
2530 ศ.ดร. สิรนุช ลามศรีจันทร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชารังสีประยุกต์ และไอโซโทป สืบต่อจาก ศ.ดร.สุมินทร์ สมุทคุปติ์ ได้ร่วมกับอาจารย์ในภาควิชา จัดทำคำขอความช่วย เหลือทางวิชาการจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(IAEA) ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชา การภาคปกติ (Technical Cooperation Project, TC-project) สำหรับปี ค.ศ. 1989-90 โดยมีชื่อโครงการ ว่า "Replacing the gamma irradiation facility with a gamma greenhouse for low dose and chronic irradiation of plants at Khamphaeng Saen Campus" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคณะอนุกรรมการ พลังงานปรมาณูในกิจการเกษตรคัดเลือกเป็นโครงการที่ส่งไปขอความช่วยเหลือจากทบวงการฯ เมื่อ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2531 วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2532 ได้รับแจ้งจากสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ(พปส) ว่าทบวงการฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่โครงการที่ขอไปและเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น "Mutation Breeding of Cereals and Legumes (THA/5/037)" โดยมี ศ.ดร.สิรนุช ลามศรีจันทร์ เป็นหัวหน้าโครงการทบวงการฯ ให้ ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ภาควิชาฯ เป็นทุนสำหรับอาจารย์ได้ดูงาน และฝึกอบรม 3 ทุน และเป็นทุน สำหรับผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ 1 ทุน ผู้เชี่ยวชาญที่มาให้คำแนะนำแก่โครงการเป็นคนแรกคือ Dr.E.Amano ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการผลักดันโครงการให้ดำเนินต่อไป Dr.E.Amano ได้เดินทางมา ให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาให้คณะทำงานโครงการเคลื่อนย้ายเรือนรุกขรังสี รวมทั้งการประสาน งานกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อให้การสนับสนุนโครงการ เนื่องจากโครงการมี วัตถุประสงค์จะจัดตั้งเรือนรุกขรังสีที่วิทยาเขตกำแพงแสน ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแบบแปลน ของเรือนรุกขรังสี Dr.E.Amano ได้ว่าจ้างวิศวกรชาวญี่ปุ่น Mr.Matzusawa ให้ออกแบบเรือน รุกขรังสีให้โดยใช้เงินของโครงการ THA/5/037 ซึ่งแบบแปลนต่อมาได้รับการเห็นชอบจากทบวงการฯ และ จัดส่งให้ภาควิชาฯ เพื่อใช้ในการจัดสร้างต่อไป |
เนื่องจากสิ้นสุดโครงการ
THA/5/037 แล้วทางภาควิชาฯ มีแบบแปลนที่สมบูรณ์พร้อมที่จะจัด สร้างเรือนรุกขรังสีที่วิทยาเขตกำแพงแสนได้ แต่ปัญหาในขณะนั้นคือ ขาดงบประมาณในการก่อสร้าง และขาดสถานที่ก่อสร้าง(เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ที่ดินที่วิทยาเขตกำแพงแสนแม้จะได้รับอนุมัติ ในหลักการไว้ในปี 2530 แล้ว) ดังนั้นเพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ภาควิชาฯ โดย ศ.ดร.สิรนุช ลามศรีจันทร์ ร่วมกับอาจารย์ในภาควิชาฯ จึงได้จัดทำโครงการขอความช่วยเหลือจากทบวงการฯ เป็น ครั้งที่ 2 โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Dr.E.Amano ในการให้คำแนะนำในการจัดทำโครงการ โครงการที่จัดทำใหม่มีชื่อว่า " Establishment of new gamma greenhouse for low dose and chronic irradiation at Khamphaeng Saen Campus" ได้ส่งไปยังทบวงการฯ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2534 ในวันที่ 16 ตุลาคม 2535 ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส)ว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือได้ให้ความช่วยเหลือโครงการจัด สร้างอาคารฉายรังสี โดยผ่านทบวงการฯ ความช่วยเหลือนี้อยู่ภายใต้โครงการ THA/5/039 โดยให้ความ ช่วยเหลืออยู่ในรูปของผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์มีมูลค่ารวม 204,300 เหรียญสหรัฐ และในวันที่ 21 เมษายน 2536 ได้รับแจ้งจาก พปส.อีกครั้งว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรฯ ได้ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 64,750 เหรียญสหรัฐ รวมมูลค่าความช่วยเหลือ 269,050 เหรียญสหรัฐ |
ถึงแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือด้านผู้เชี่ยวชาญ
และอุปกรณ์แล้วก็ตาม ภาควิชาฯ ยังไม่สามารถ แก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้คือการจัดหางบประมาณในการก่อสร้าง และการจัดหาสถานที่สำหรับสร้างอาคารฉาย รังสี ภาควิชาฯ ได้ดำเนินการขอให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างเรือนรุกขรังสีขึ้น โดยมีคณบดีคณะวิทยาศาสตร์(ศ.ดร.สุมินทร์ สมุทคุปติ์) เป็นประธาน และมีนายวัลลภ บุญคง รองเลขาธิการ สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นที่ปรึกษาของคณะทำงาน คณะทำงานประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูง จากสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ 2 คน อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ 3 คน ผู้แทนจากงานผังแม่บท (อาจารย์เสวก พลชัย) อาจารย์จากภาควิชารังสีประยุกต์และไอโซโทป 6 คนและจากภาควิชาฟิสิกส์ 1 คน (ผศ. กุณฑลี สิงหเสนี) ซึ่งคอยทำงานทำหน้าที่ในการประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญที่ทบวงการฯ ส่งมา และเป็น ผู้ให้ข้อมูลทางวิชาการกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในระหว่างนี้คณะทำงานได้มีความเห็นชอบ ที่จะเปลี่ยนรูปแบบจากเรือนรุกขรังสีเป็นอาคารฉาย รังสีแกมมา และเปลี่ยนที่ก่อสร้างจากวิทยาเขตกำแพงแสนเป็นวิทยาเขตบางเขนทั้งนี้มีเหตุผลหลายประการ ที่สนับสนุนการตัดสินใจของคณะทำงานในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากแนวความคิดที่อาจารย์ของภาควิชาฯ ได้มี โอกาสไปฝึกอบรม และดูงานภายใต้โครงการ THA/5/037 ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยว ชาญหลายท่าน รวมทั้งได้รับจดหมายให้แนวความคิดจาก Dr.A.Micke ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าของ Plant Breeding and Genetics Section ของทบวงการฯ ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2530 ด้วยว่าการจัดสร้างเครื่องฉาย รังสีแกมมาเพื่อฉายรังสีแบบโครนิกในลักษณะเรือนฉายรังสีอาจจะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากต้องใช้พื้นที่กว้างขวางห่างไกลชุมชน ลักษณะของเรือนรุกขรังสีซึ่งเป็นเหมือนเรือนกระจกที่ให้ แสงสว่างส่องลงมาได้ทำให้ใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่าการสร้างเป็นอาคารฉายรังสีแบบอาคารปิด ซึ่งสามารถ ควบคุมอุณหภูมิและแสงสว่างให้เหมาะสมกับงานการฉายรังสีเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยง(in vitro culture) ของพืช นอกจากนี้เรือนรุกขรังสีหากสร้างขึ้นใหม่อาจประสบปัญหาเช่นเดียวกับเรือนรุกขรังสีหลังเก่า หากสภาพ แวดล้อมเปลี่ยนไปมีการใช้พื้นที่ข้างเคียงสร้างอาคารสูงๆ ขึ้นในอนาคต คณะทำงานเห็นควรจัดสร้างที่ วิทยาเขตบางเขน เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนที่จะอำนวยความสะดวกให้นิสิต นักศึกษา อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังสะดวกสำหรับเจ้าหน้า ที่ของสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติที่จะมาตรวจสอบการใช้งานของอาคารฉายรังสีได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูของประเทศไทย ในปลายปี พ.ศ. 2535 ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังในการขอใช้พื้นที่สร้างอาคารฉายรังสี ที่วิทยาเขตบางเขน ภาควิชาฯ ได้จัดทำคำชี้แจงความจำเป็นของการจัดสร้างอาคารฉายรังสีแกมมา เนื่อง จากเป็นพันธะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการจัดสร้างอาคารฉายรังสีเพื่อ รองรับความช่วยเหลือภายใต้โครงการ THA/5/039 นอกจากนี้ได้แสดงแผนการใช้งานอาคารฉายรังสี และประโยชน์ของอาคารฉายรังสีซึ่งเป็นเอกสารความยาว 30 หน้าเสนอต่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในที่สุดอธิการบดี(ศ.ดร.กำพล อดุลวิทย์) ได้ให้ความเห็นชอบลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2535 โดยบันทึก เป็นลายลักษณ์อักษรว่า "เห็นชอบให้จัดสถานที่ๆ วิทยาเขตบางเขน ในที่ๆ อยู่ใกล้เคียงกับ พปส. และขอ ให้ พปส. ยืนยันการช่วยเหลือดูแลอาคารฉายรังสีแกมมา" สถานที่ๆ มหาวิทยาลัยจัดให้มีเนื้อที่ 1.5 ไร่ อยู่ด้านหลังของสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ และอยู่ใกล้กับภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของคณะประมง |
การจัดหางบประมาณเพื่อสร้างอาคารฉายรังสีนั้นนับว่าเป็นงานที่ยากกว่าการจัดหาสถานที่ ก่อสร้างหลายเท่า เพราะได้มีการจัดทำงบประมาณคำขอในการเคลื่อนย้ายเรือนรุกขรังสีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 จนถึง พ.ศ. 2536 ก็ยังมิได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ สำหรับงบประมาณปี พ.ศ. 2537 ที่ได้ขอตั้งไว้ในวงเงิน 16,667,500 บาทนั้น ทราบล่วงหน้าจากสำนักงานงบประมาณว่ามิได้จัดสรรให้ เช่นกัน ซึ่ง ศ.ดร.สุมินทร์ สมุทคุปดิ์ ได้นำเรื่องที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ได้รับงบประมาณใน การจัดสร้างอาคารฉายรังสีเข้าไปปรึกษาในคณะอนุกรรมการพลังงานปรมาณูในกิจการเกษตรซึ่ง คณะอนุกรรมการพลังงานปรมาณูในกิจการเกษตรมีมติสนับสนุนโครงการนี้โดยประธานคณะอนุ กรรมการพลังงานปรมาณูในกิจการเกษตร (อธิบดีกรมวิชาการเกษตร) ได้ลงนามในหนังสือแจ้งการ สนับสนุนโครงการไปยัง เลขาธิการ พปส. ซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการพลังงาน ปรมาณูเพื่อสันติสนับสนุนโครงการดังกล่าวนี้ คณะอนุกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อ พิจารณาเรื่อง นี้เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2536 ศ.ดร.สิรนุช ลามศรีจันทร์ และผศ.พรรณีพักคงได้รับเชิญให้เข้าไปชี้ แจงโครงการความช่วยเหลือในการจัดสร้างอาคารฉายรังสีที่ได้รับจากทบวงการฯ และสหราชอาณาจักรฯ ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคต่อคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี(ดร.อำนวย วีรวรรณ) เป็นประธานคณะกรรมการคณะกรรมการประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม(นายพิศาล มูลศาสตรสาทร) และผู้แทนจากกระทรวงต่างประเทศ กระทรวง สาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจาก สำนักงบประมาณ ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้แก่ น.พ. ร่มไทร สุวรรณิก ศ.อรุณ สรเทศน์ นายไมตรี ตันเติมทรัพย์ นายธัชชัย สุมิตร มีเลขาธิการสำนักงาน พปส. นายสุชาติ มงคลพันธุ์เป็นกรรมการและเลขานุการ ในที่สุด ที่ประชุมมีมติสนับสนุนโดยบันทึกในการประชุมว่า "เห็นชอบให้ผู้แทนสำนักงบประมาณในคณะกรรมการ พลังงานปรมาณูเพื่อสันตินำเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการหาทางจัดสรรงบประมาณค่าก่อสร้าง ตามโครง การของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยให้ประสานงานในรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฯ "โดยเลขาธิการ พปส. ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณ ลงวันที่ 28 กันยายน 2536 แจ้ง มติของคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ขอให้ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณพิจารณาจัดสรร ให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในที่สุดสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อจัด สร้างอาคารฉายรังสีแกมมาเป็นงบผูกพัน 2 ปี โดย พ.ศ. 2538 ให้งบประมาณ 2 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2539 ให้งบประมาณอีก 15,892,600 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17,892,600 บาท |
Mr.Paul
Stephens เป็นผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษที่ทบวงการฯ จัดส่งมาช่วยในการออกแบบอาคารฉาย รังสีที่จะติดตั้งเครื่องฉายรังสีที่มี Co-60 เป็นต้นกำเนิดรังสี Mr.Paul Stephens เป็นผู้ออกแบบหลัก(Conceptual Design) ของอาคารฉายรังสีส่วนการออกแบบในรายละเอียดของโครงการทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยอาคารฉายรังสี อาคารสำนักงาน และเรือนเพาะชำดำเนินการโดยบริษัทไตรเทคคอนซัลแตนท์ ซึ่งคิดค่าจ้างในการออกแบบ เป็นเงิน 983,062.50 บาท การออกแบบในรายละเอียดได้เสร็จสิ้นประมาณเดือนกันยายน 2538 อธิการบดี ได้ลงนามอนุมัติแบบและได้อนุมัติว่าจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างโครงการอาคารฉายรังสีโดยวิธีประกวดราคา พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานในการจัดจ้างและตรวจการจ้างขึ้น ห้างหุ้นส่วน สิทธิพงษ์รวมมิตร จำกัดได้รับงานก่อสร้างโครงการอาคารฉายรังสีแกมมาโดยมี Mr.Paul Stephens เดินทางมาควบคุมการก่อสร้าง อาคารฉายรังสีแกมมาในขั้นตอนที่สำคัญ เช่น ขั้นตอนการเทคอนกรีตสำหรับอาคารฉายรังสี ที่จะต้องเป็นไปตาม หลักวิชาการอย่างเคร่งคัด การก่อสร้างอาคารฉายรังสี อาคารสำนักงาน และเรือนเพาะชำได้สำเร็จเป็นรูปร่างประมาณกลางเดือน ธันวาคม 2539 สำนักงบประมาณได้อนุมัติให้จัดซื้อครุภัณฑ์ประกอบอาคารจำนวน 52 รายการเป็นเงิน 7,350,804 บาท ให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2540 |
Mr.Paul Stephens และทีมงานประกอบด้วย Mr.Dave Howarth และ Mr. Peter Kondula
ได้เดินทางมาติดตั้งเครื่องฉายรังสีแกมมาระหว่าง 23 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2540 เครื่องฉายรังสีแกมมา ได้มีการออกแบบและติดตั้งจำนวน 3 ชุด เพื่อให้การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยสามารถเลือกใช้ใน การฉายรังสีทีละชุด หรือใช้ร่วมกันทั้งหมดได้ การบรรจุต้นกำเนิดรังสีที่มีความแรงประมาณ 800 คูรีได้ ดำเนิน การโดย Mr.Paul Stephens และ Mr.Dick Rees และเสร็จสิ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม 2540 เครื่องฉายรังสีทั้ง 3 ชุดได้บรรจุต้นกำเนิดรังสีความแรง 200, 200 และ400 คูรีโดยกำหนดให้มีความแรง ของรังสีเพียงพอสำหรับใช้งานรวมกันประมาณ 15 ปี |
ในวันที่ 15 กันยายน 2540 เมื่อ Dr. Beant Ahloowalia ผู้เชี่ยวชาญ
จากทบวงการฯ ได้มาติดตามงาน ของโครงการ THA /5/039 อาจารย์และเจ้าหน้าที่ของภาควิชาฯ ได้พา Dr. Beant Ahloowalia มาดูอาคารฉาย รังสีแกมมาและได้สาธิตการทำงานของเครื่องฉายรังสีให้ชม พบว่าเกิดปัญหาขัดข้องไม่สามารถเดินเครื่องได้ อย่างปกติ ภาควิชาฯได้แจ้งเรื่องให้ Mr. Paul Stephens ที่กรุง ลอนดอน สหราชอาณาจักรฯ ทราบ Mr. Paul Stephens เดินทางมาตรวจสอบเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2540 พบว่ามีการต่อไฟฟ้าสลับเฟสเข้าสู่อาคารฉายรังสี ซึ่งเกิดจากความบกพร่องผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ของห้างหุ้นส่วนสิทธิพงษ์รวมมิตรจำกัด ที่ได้ดำเนินการต่อไฟ ฟ้า ของการไฟฟ้าเข้าสู่อาคารฉายรังสีโดยไม่ได้ตรวจสอบให้ถูกต้อง จึงมีการต่อสลับเฟสเข้ามาและก่อให้เกิด ความเสียหายกับเครื่องฉายรังสีแกมมาจนใช้การไม่ได้ ซึ่งจะต้องมีการซ่อมเครื่องฉายรังสีใหม่โดยการนำต้น กำเนิดรังสีออก และตรวจแก้ไขความเสียหายของเครื่องฉายรังสีทั้งหมดแล้วจึงบรรจุต้นกำเนิดรังสีเข้าไปใหม่ มิฉะนั้นจะไม่สามารถใช้การได้เลย ได้มีการเจรจาเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเครื่องฉายรังสีที่ประกอบด้วย ค่าผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งเจ้าหน้าที่และค่าอุปกรณ์มีการต่อรองหลายครั้งจากราคา 32,500 ปอนด์จนครั้งสุดท้ายได้ ราคาต่ำสุด มีมูลค่า 23,500 ปอนด์ นอกจากนี้ ศ.ดร.สิรนุช ลามศรีจันทร์ ในฐานะหัวหน้าโครงการ THA/5/039 ได้ขอความช่วยเหลือไปยังทบวงการฯ ให้ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซ่อมอาคารฉายรังสี ซึ่งในที่สุดทบวงการฯ ได้รับออกค่าใช้จ่ายสำหรับผู้เชี่ยวชาญมูลค่า 9000 ปอนด์ ที่เหลืออีก 14,500 ปอนด์ นั้นทางมหาวิทยาลัยฯ โดย รองอธิการบดีฝ่ายการเงิน(รศ.รุ่งเจริญ กาญจโนมัย)ได้ดำเนินการขอให้ห้างหุ้นส่วนสิทธิพงษ์รวมมิตรจำกัด ออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ได้มีการโอนเงิน 14,500 ปอนด์ (1,271,035 บาท)จากประเทศไทยไปยังบัญชีของทบวงการฯ ที่ลอนดอน ในวันที่ 16 มกราคม 2541 และได้รับตอบเป็นทางการจากทบวงการฯ วันที่ 26 มกราคม 2541 Mr. Paul Stephens และ Dick Rees ได้มาซ่อมอาคารฉายรังสีระหว่างวันที่ 18-25 เมษายน 2541 Mr. Paul Stephens ได้เขียนไว้ในสมุดเยี่ยมศูนย์ฯ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2541 ว่า " I wish you every success with the facility. It was a pleasure working with you all. Please do not reverse the three phase supply again " |
สภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติให้ตั้งชื่อโครงการอาคารฉายรังสีแกมมา
คณะกรรมการทั้ง
2 ชุดมีวาระ 4 ปี พร้อมกันนั้นได้มีประกาศแต่งตั้ง ศ.ดร. สิรนุช ลามศรีจันทร์
เป็น |
ศูนย์ฯ ได้กำหนดภาระหน้าที่และความรับผิดชอบไว้เป็นแนวปฏิบัติดังนี้
เพื่อให้เป็นไปตามภาระหน้าที่ที่กำหนดศูนย์ฯ ได้ดำเนินการต่างๆ ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ดังต่อไปนี้ สนับสนุนการเรียนการสอนการทำปัญหาพิเศษ
การวิจัย และวิทยานิพนธ์ ให้บริการฉายรังสีกับนักวิจัยทางด้านการปรับปรุงพันธุ์พืชของประเทศไทย การจัดฝึกอบรมการใช้เทคนิคการกลายพันธุ์ในการปรับปรุงพันธุ์พืชให้กับนักวิชาการและเกษตรกร
นอกจากนี้ศูนย์ฯร่วมกับภาควิชารังสีฯกำลังดำเนินจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง
"การใช้เทคนิคการกลายพันธุ์เพื่อสร้างความหลากหลายทางพันธุกรรมและการปรับปรุงพันธุ์พืชรุ่นที่
2" ระหว่างวันที่
ถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยให้ข้อมูลทางวิชาการทางด้านสร้างพันธุ์ไม้ดอก-ไม้ประดับด้วยรังสี
และให้
รายการโทรทัศน์
หนังสือพิมพ์/วารสารทางการเกษตร/นิตยสาร
|